Latest News

ป้ารับจับหลาน 7 ขวบ โยงเสาบ้าน-เฆี่ยนจนเจ็บหนัก โมโหขโมยขนม-จนท.รุดช่วย!!





จากกรณีที่มีภาพเด็กชายอายุ 7 ขวบ ถูกทำร้ายร่างกายแล้วจับมัดมือผูกติดไว้กับเสากลางบ้าน มีบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนตีแล้วราดด้วยน้ำทำให้เจ็บแสบ จากนั้นภาพดังกล่าวถูกแชร์ว่อนในโลกโซเชี่ยลฯ ซึ่งระบุเพียงพิกัดว่าอาศัยในเขตตลาดเก่าบางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม เท่านั้น โดยที่ไม่มีข้อมูลว่าเด็กชายเป็นใครมาจากไหน หลังจากภาพถูกแชร์ออกไป ทำให้ พ.ต.อ.ชัชพงศ์ สุขบุญชูเทพ  ผกก.สภ.บางเลน  จ.นครปฐม สั่งการให้ชุดสืบสวนออกตรวจสอบ จนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวอาศัยอยู่ที่บ้าน หมู่ 8 ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม

 จากนั้นเวลา 21.00 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ทาง ผกก.สภ.บางเลน ได้ประสานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ทหาร นำโดยจ่าสิบเอกไพฑูรย์ ศรีราชา รองผู้บังคับกองร้อยรักษาความสงบ ร.29 พัน3 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี และ จ่าสิบเอกมานะ โตกำเนิด หัวหน้าชุด อำเภอบางเลน นำกำลังทหาร พร้อมด้วยนายสมชาติ ธีระสุวรรณจักร นายอำเภอบางเลน นำกำลังปกครอง อส. กว่า 30 นาย บุกเข้าทำการตรวจสอบในบ้านหลังดังกล่าว ที่บ้านดังกล่าว ปลูกเป็นบ้านไม้โบราณสองชั้น ติดริมแม่น้ำท่าจีนในตลาดเก่าบางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม 

 ภายในบ้านพบนางสาวศิริรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน และยังพบเด็กชายเก่ง (นามสมมติ) อยู่ภายในบ้านด้วย เจ้าหน้าที่ได้ทำการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เด็กถูกทำร้ายร่างกายและเฆี่ยนตีอย่างหนัก พร้อมกับตรวจสอบสภาพร่างกายเด็กในเบื้องต้น ยังพบเห็นบาดแผลจากการถูกตีเป็นลายเต็มแผ่นหลัง สภาพมีรอยบอบช้ำ ตั้งแต่กลางหลังไปจนถึงท่อนขาล่าง

 โดยนางสาวศิริรัตน์ เผยว่า ตนเป็นย่าของ เด็กชายเก่ง รับว่าเด็กถูกตีด้วยไม้จริง แต่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการทำร้ายร่างกายเด็กเลย แต่คนที่ตีเด็ก คือ น.ส.วรัญสิฐตา อายุ 23 ปี เป็นป้าของเด็กและเป็นลูกสาวของตนเอง ขณะนี้ไม่ได้อยู่บ้าน ออกไปทำงาน ที่บริษัทแห่งหนึ่ง อ.บางเลน จ.นครปฐม ยังไม่กลับเข้าบ้าน เจ้าหน้าที่ ตร. จึงได้ประสานชุดสืบสวน เชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ. ส่วนเด็กชายเก่ง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาลบางเลน แพทย์ทำการตรวจแล้ว พบว่าเด็กมีบาดแผลจากการถูกทำร้ายจริง แต่ร่างกายตอนนี้ ไม่ได้รับอันตรายขั้นรุนแรงถึงชีวิต

 จากการสอบปากคำ น.ส.วรัญสิฐตา ป้าที่ลงมือเฆี่ยนตีเด็ก ให้การว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา ช่วงเย็นๆ ตนได้ออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เด็กชายเก่งร้องอยากกินขนมและขอตามไปด้วย ขณะที่ตนกำลังเลือกซื้อของใช้อยู่ภายในร้าน ได้มีพนักงานร้านเดินมาบอกว่า เด็กชายเก่งขโมยขนม 1 ชิ้นราคา 6 บาท ซึ่งทางร้านได้ตั้งกฎไว้ว่าจะถูกปรับจากราคาสินค้าเดิม 50 เท่า หากไม่ยินยอมจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ตนจึงต้องจ่ายเงินค่าปรับทั้งสิ้นจำนวน 300 บาท  

 น.ส.วรัญสิฐตา ให้การเพิ่มเติมว่า ตนเป็นเพียงลูกจ้างทำงานได้ค่าแรงวันละเพียง 300 บาท แทนที่จะได้ซื้อของใช้เข้าบ้าน แต่กลับต้องมาเสียค่าปรับเพราะหลานมาขโมยของ ทำให้ตนรู้สึกโกรธมาก วันนั้นหลังจากที่กลับถึงบ้าน จึงจับเด็กมัดไว้กับเสากลางบ้าน พร้อมกับตีอย่างแรงแล้วสั่งสอนว่า ไม่ให้ทำตัวแบบนี้ อยากได้อะไรขอให้บอกห้ามขโมยของ เด็กชายเก่งก็ร้องไห้เสียงดังแล้วรับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ตนต้องตีสั่งสอนหลานเพราะก่อนหน้านี้ก็ขโมยของในโลตัสบางเลนมาแล้ว 2 ครั้ง

 ด้าน พ.ต.อ.ชัชพงศ์ ผกก.สภ.บางเลน เผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งมีความละเอียดอ่อนมาก ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา เพราะมี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กอยู่ ทาง ตร.จะทำทัณฑ์บนไว้เพื่อไม่ให้ น.ส.วรัญสิฐตาตี และทำร้ายเด็กอีก ทั้งนี้ทาง ผกก.ได้ขอวอนประชาชนที่ได้ดูภาพในเฟซบุ๊กหรือสังคมออนไลน์แล้ว อย่าแชร์เพื่อกระจายภาพต่อๆ กันอีก เพราะเจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือเด็กให้อยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเด็กในอนาคต

 ด้านนางสรัญญา สวัสดิ์กนก หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครปฐม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางมายัง สภ. เพื่อทำการตรวจสอบประวัติของเด็ก ทราบว่า เด็กชายเก่งอาศัยอยู่กับย่าและป้า ส่วนพ่อของเด็กชายเก่งไม่ได้อาศัยอยู่ด้วย โดยนำมาทิ้งให้ย่าเลี้ยงตั้งแต่ 3 ขวบ และไม่ได้ส่งเสียให้เข้าเรียนหนังสือ เบื้องต้น ทางบ้านพักเด็กจะขอรับตัวเด็กชายเก่งไปดูแล เป็นการชั่วคราว    

 ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 มี.ค. นางสรัญญา สวัสดิ์กนก หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยนักสังคมสงเคราะห์บ้านพักเด็ก พนักงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด(พมจ.)นครปฐม ร่วมปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางขั้นตอนในการช่วยเหลือเด็กเบื้องต้น โดยประสานกับโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม นัดตรวจประเมินสภาพทางจิตของเด็กในช่วงบ่ายของวันที่ 19 มี.ค. นี้ พร้อมกับประชุมทีมสหวิชาชีพ ตำรวจ อัยการ นักจิตวิทยาโรงพยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือ  

 ขณะนี้เด็กอยู่ในความคุ้มครองดูแลของบ้านพักเด็ก ในระหว่างการหาแนวทางช่วยเหลือ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก จากนั้นจะวิเคราะห์สืบหาข้อเท็จจริงและผลวินิจฉัยสภาพจิตใจและพฤติกรรมของเด็กจากแพทย์ว่า สามารถอยู่กับครอบครัวได้หรือไม่ และประเมินครอบครัวในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับพฤติกรรมในการอยู่ร่วมกัน ถ้าหากไม่สามารถส่งเด็กกลับครอบครัวได้ เจ้าหน้าที่จะหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับฟื้นฟูเด็กต่อไป

ขอบคุณ khaosod


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รวมเรื่องออนไลน์น่ารู้ | Distributed By Blogger Templates | Designed By Templateism.com

รูปภาพธีมโดย Bim. ขับเคลื่อนโดย Blogger.